โบท็อก คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ( Botulinum
toxin type A) ได้จากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม
(Clostridium Botulinum) ที่มีด้วยกันถึง 7 ชนิด แต่ชนิดที่นำมา
ใช้ในวงการเสริมความงามที่เราคุ้นเคยกัน คือสาร Botulinum toxin
type A เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีผลต่อระบบประสาท ซึ่งออกฤทธิ์
จับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ โดยจะไปรบกวน
ระบบประสาทให้ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อ
ขาดการรับรู้การสั่งงานจากเซลล์ประสาท ส่งผลให้ไม่สามารถหดตัว
ได้ตามปกติเพียงชั่วคราว

สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ( Botulinum toxin type A) มีความปลอดภัย
ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. นอกจากมาใช้ในการลดริ้วรอย
ปรับรูปหน้าเรียว และยังสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น
ไมเกรน Office syndrome ได้อีกด้วย จากหลักการทำงานดังกล่าว
จึงมีการนำโบท็อกมาใช้ในการลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า
บริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว หางตา ย่นจมูก รวมถึงนำมาลดขนาด
กล้ามเนื้อใช้ในการปรับรูปหน้าเรียวเล็ก และนำมาใช้ฉีดลดเหงื่อ
บริเวณรักแร้ ฝ่ามือฝ่าเท้า อีกทั้งยังสามารถใช้ลิฟหน้าเพื่อให้ใบหน้า
ดูยกกระชับได้เช่นกัน
โบท็อกจึงเป็นที่นิยมของผู้ที่สนใจลบเลือนริ้วรอยบนใบหน้าและ
ต้องการให้หน้าดูเรียวมากขึ้น โดยโบท็อกจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-5 วัน
หลังฉีดแต่ก็อาจใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ จึงจะรู้สึกถึงผลลัพธ์ที่ได้อย่าง
ชัดเจน และถูกนำมาใช้ในวงการความงามอย่างแพร่หลาย
ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียว กรอบหน้าชัดขึ้น
ลดกล้ามเนื้อน่องขา
ฉีดคอ บ่า ไหล่ ให้ช่วงไหล่ดูสวยคอระหงส์
ช่วยลดการเกิดเหงื่อบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้าและรักแร้
ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงและสดใสขึ้น
กระชับรูขุมขน ทำให้ผิวกระชับขึ้น ต่อมไขมันเล็กลง
ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
ผลลัพธ์หลังฉีดจะอยู่ได้ประมาณ
4-6 เดือน
เพื่อคงสภาพผลลัพธ์หลังฉีด ควรมาเติมโบท็อก
เพื่อคงสภาพผลลัพธ์ให้คงอยู่เรื่อยๆ
แต่ไม่ควรฉีดถี่จนเกินไปเพราะจะทำให้ดื้อยา
และไม่ควรเว้นช่วงการฉีดนานเกินไป
เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อคืนสภาพ ทำให้การฉีด
รอบต่อไปต้องใช้จำนวนโบท็อกที่มากขึ้นนั่นเอง
สำหรับระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์หลังการฉีด
โบท็อกนั้นคนไข้จะเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง
ได้โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 5-14 วัน ซึ่งแต่ละจุด
อาจมีระยะเวลาการเห็นผลที่แตกต่างกัน เช่น
ซึ่งจะเห็นได้ว่าตำแหน่งที่มีกล้ามเนื้อใหญ่กว่า
อาจต้องใช้ระยะเวลาเห็นผลนานกว่า เช่น การฉีด
โบท็อกลดกรามจะใช้ระยะเวลาเวลาการเห็น
ผลลัพธ์ที่ชัดเจนนานกว่า การฉีดโบท็อกลดริ้วรอย
ผู้ที่ต้องการการลดริ้วรอย บริเวณหน้าผาก หางตา ขมวดคิ้ว ลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า ลดรอยย่นเล็กๆ บนผิว ให้ผิวเรียบเนียน ตึงใสขึ้น
ผู้ที่ต้องการให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น ลิฟกรอบหน้า ลิฟหน้าเรียว
ผู้ที่มีกล้ามเนื้อช่วงกรามหนา ทำให้ดูเหมือนหน้าใหญ่ หรือหน้าเหลี่ยม เมื่อฉีดโบท็อกบริเวณกล้ามเนื้อกรามแล้ว ใบหน้าจะเรียวลงอย่างเป็นธรรมชาติ
ผู้ที่ต้องการลดเหงื่อรักแร้ ลดเหงื่อฝ่ามือ ฝ่าเท้า ลดกลิ่นตัว การฉีดโบท็อกก็ช่วยได้โดยตรงเช่นกัน
ผู้ที่ต้องการลดน่องที่ปูด เพราะกล้ามเนื้อใหญ่เกินไป การฉีดโบท็อกเป็นวิธีการทำน่องขาให้เรียวสวย
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสันจมูกรัดแกนคมขึ้น
ผู้ที่ต้องการยกกระชับรูขุมขน รูขุมขนกว้าง ลดความมันบนใบหน้า  ลดการเกิดสิว
ผู้ที่ต้องการลดขนาดกล้ามแขน ลดกล้าม ลดบ่า
หากเป็นการฉีดโบท็อกแท้ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิต หรือเป็นอันตรายต่อตัวผู้ฉีด หากได้รับการฉีดโดยแพทย์ และใช้โบท็อกที่ได้รับมาตรฐานจาก อย. ไทย ก็ถือว่ามีความปลอดภัยสูง และสามารถมั่นใจได้ ว่าจะไม่มีสารตกค้าง และไม่มีผลข้างเคียงให้กังวลใจ
งดการกด นวด ถูบริเวณที่ฉีด
เพราะจะส่งผลต่อการกระจายตัว
ของตัวยาไปกล้ามเนื้ออื่นที่ไม่
ต้องการได้
งดการออกกำลังกายอย่างหนัก
24 ชั่วโมงหลังฉีด แนะนำให้
ออกกำลังกายเบาๆ แทนก่อน
หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน เช่น
ใช้น้ำอุ่นล้างหน้า อบไอน้ำ ซาวน่า
ทำทรีทเม้นท์ หรือเลเซอร์หลังฉีด
2-4 สัปดาห์
หลังฉีดโบท็อกกราม ควรบริหาร
กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด เช่น เคี้ยว
หมากฝรั่ง หลังฉีดกรามประมาณ
30 นาที เพื่อให้ยากระจายตัวได้ดีขึ้น
ในปัจจุบันมีโบท็อกให้เลือกใช้มากมายหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อก็จะมี ความแตกต่างทั้งในกรรมวิธีการผลิต ที่ทำตัวยาให้บริสุทธิ์, ชนิดของ protein complex, ขนาดของ complex molecules, ความคงทนใน การเก็บรักษา และขนาดของ complex molecules size ปัจจัยเหล่านี ล้วนส่งผลให้คุณสมบัติ และจุดเด่นที่แตกต่างกัน รวมไปถึงราคาที่ แตกต่างกันด้วย
chevron-down